สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ ๖ เสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๒ หลังจากประทับ ณ ประเทศอังกฤษเป็นเวลานาน ราชนารีทั้งสองพระองค์ ทรงสืบสานพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงสถาปนาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่เก็บค่ารักษาพยาบาลไม่แพงสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้ได้พึ่งพิงในยามที่เจ็บไข้ได้ป่วย ดังปรากฏในหนังสือ ดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเกล้า ความว่า
“…กว่า ๕๐ ปีก่อนนั้น โรงพยาบาลของรัฐที่เก็บค่ารักษาไม่แพงและมีแพทย์พยาบาลประจำอยู่มากยังมีอยู่ไม่กี่แห่ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นแห่งหนึ่งที่ผู้มีรายได้น้อยพากันมาใช้บริการอย่างเนืองแน่น น่าเห็นใจว่าโรงพยาบาลมีอาคารและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำกัด ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยซึ่งทวีจำนวนมากขึ้นทุกปี
…ในฐานะที่เจ้าฟ้าหญิงทรงเป็นทั้ง ‘เจ้านาย’ ผู้ทรงถือว่าทรงมีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ของราษฎร และในฐานะที่ทรงเป็น ‘ทายาท’ ของพระผู้ทรงสถาปนาโรงพยาบาลแห่งนี้ย่อมไม่ทรงสบายพระทัยเกินกว่าจะทรงวางอุเบกขานิ่งเฉยอยู่ได้
…สมดังความตอนหนึ่งในพระดำรัสของ ‘ทูลกระหม่อมก๊ะ’ ของเจ้าฟ้าหญิง ที่ทรงแสดงความในพระราชหฤทัยไว้ในวันเปิดโรงพยาบาลแห่งนี้ “…สิ่งใดเป็นประโยชน์แก่ประชาชน ก็เท่ากับเป็นประโยชน์แก่ตัวเราเอง เพราะถ้าผู้ที่เป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินได้ความสุขแล้ว ก็เหมือนตัวเราได้รับความสบาย”
…วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๐ ข้าราชบริพารร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองเป็นงานแรกในพระชนมชีพของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี คือวันที่ทั้งสองพระองค์ทรงเห็นหนทางที่จะช่วยเหลือราษฎรของพระองค์
…พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ไม่ทรงเคยจัดงานฉลองพระชนมายุของพระองค์อย่างเอิกเกริกใหญ่โตเลย นับตั้งแต่เสด็จไปประทับ ณ ประเทศอังกฤษ งานฉลองพระชนมายุ ๕ รอบนับเป็นงานแรกที่ประทานอนุญาตให้ข้าในพระองค์และผู้จงรักภักดีร่วมกันจัดขึ้น
…พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ทรงได้รับเงินทูลพระขวัญในวันนั้นเป็นจำนวนมาก เงินจำนวนนี้ทรงประทานแก่สภากาชาดไทยทั้งหมด …พร้อมกับเงินสมทบอีกหนึ่งล้านบาทเศษ …เพื่อสร้างตึกอุบัติเหตุและผู้ป่วยนอก ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ …โปรดประทานนามว่า “ตึกมงกุฎ – เพชรรัตน” เป็นพระเกียรติยศแด่พระสวามีและพระธิดา
…พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาทรงเปิดตึกมงกุฎ – เพชรรัตน ในวันสำคัญอีกวันหนึ่ง เมื่อเจ้าฟ้าหญิงทรงเจริญพระชนมายุ ๔๒ พรรษา ณ วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๐ … ในโอกาสนี้ได้พระราชทานเหรียญกาชาดสรรเสริญแด่เจ้าฟ้าหญิงและพระชนนี เป็นเครื่องหมายว่าทั้งสองพระองค์ทรงมีคุณสมบัติของผู้ประกอบคุณงามความดีตามข้อบังคับของสภากาชาดไทย ในข้อที่ว่าทรงเป็น “ผู้ซึ่งมีความเมตตากรุณาแก่เพื่อนมนุษย์ …โดยมิได้คิดเอาประโยชน์ส่วนตัว …ได้บริจาคทรัพย์ของตน ช่วยเหลือเลี้ยงรักษาด้วยน้ำใจกรุณาเป็นที่ตั้ง”…”